วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การใส่เกียร์จอดรถอย่างถูกต้อง


การใส่เกียร์จอดรถอย่างถูกต้อง

      ใครที่ขับรถเกียร์อัตโนมัติ คงแปลกใจเวลาปลดเกียร์จากตำแหน่ง P ไปยังตำแหน่งอื่นว่าบางครั้งก็ปลดปล่อย บางครั้งก็ฝืด ออกแรงเยอะ สาเหตุเกิดจากพื้นถนนที่ลาดเอียงและพฤติกรรมการใช้เกียร์ที่ไม่ถูกต้อง MR. MOTOR EXPO ขอแนะนำวิธีการจอดรถอย่างถูกต้องสำหรับเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา

รถเกียร์อัตโนมัติ เหยียบเบรค ปลดว่าง ดึงเบรคมือ ใส่เกียร์ P
        หลังจากจอดรถ ให้เหยียบเบรค แล้วเลื่อนเกียร์ไปที่เกียร์ว่าง จากนั้นดึงเบรคมือ ปล่อยเท้าออกจากเบรค ช่วงนี้รถอาจขยับอยู่บ้าง จากนั้นใส่เกียร์ P แล้วจึงดับเครื่องยนต์ ถ้าใส่เกียร์ P ก่อนดึงเบรคมือ รถอาจจะไหลจนตัวกระเดื่องจากเฟืองเกียร์ขบกับเฟืองท้ายด้วยน้ำหนักของรถ เวลาปลดเกียร์จะหนักและพังเร็วส่วนวิธีปลดให้ทำสวนทางกัน คือ ต้องเหยียบเบรคก่อนปลดเกียร์ P จากนั้นปลดเบรคมือ แล้วออกไปวิ่งได้เลย

รถเกียร์ธรรมดา เหยียบเบรค ใส่เกียร์ว่าง ดึงเบรคมือ
         รถเกียร์ธรรมดา ไม่มีอะไรมาก เมื่อจอดรถแล้วให้เหยียบเบรค แล้วใส่เกียร์ว่าง จากนั้นดึงเบรคมือขึ้น ถ้ารถยังไหลอยู่จากทางชัน ให้ดึงเบรคมือขึ้นอีกจนกว่ารถจะหยุดสนิท

ข้อมูลจาก
นิตยสาร FORMULA ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2560
คอลัมน์ : MR. MOTOR EXPO
ลิงค์ที่มา : https://www.autoinfo.co.th/article/172302/

คันเร่งค้าง อันตรายถึงชีวิต กับวิธีรับมือเอาตัวรอด

คันเร่งค้าง อันตรายถึงชีวิต กับวิธีรับมือเอาตัวรอด




ปัญหาคันเร่งค้าง

           อาการตกใจเวลาเจอเรื่องกะทันหัน อาจไปเหยียบคันเร่งแทนเบรก
           ใส่รองเท้าส้นสูงขับรถ เนื่องจากคนขับเป้นผู้หญิง อาจทำให้ส้นรองเท้าไปขัดกับคันเร่ง กว่าจะถอนจากคันเร่งมาเหยียบเบรกก็ไม่ทันแล้ว
           รถอาจเกิดปัญหาคนเร่งจมค้าง ทำให้แป้นเบรกแข็งจนไม่สามารถใช้เบรก เป็นปรกติของตัวรถเพื่อป้องกันการเหยียบเบรกพร้อมคันเร่งอยู่แล้ว
เบรกมีปัญหา
           เบรกจม (เบรกแตก) ทำให้ห้ามล้อไม่ได้
           หม้อเบรกมีปัญหา ทำให้เบรกแข็งเกินไปจนหยุดรถไม่ทัน
           มีขวดน้ำหรือรองเท้าไปยันเบรกไว้

          ทั้งหมดนี้คือข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยวิธีการรับมือปัญหาเบรกและคันเร่งค้างควรเรียนรู้มีดังนี้

          เมื่อเกิดบนอาคารจอดรถ ตั้งสติให้ดีให้ใส่เกียร์ว่างทันที ทำให้รถไม่เร่งความเร็ว หลังจากนั้นให้เหยียบเบรกแรง ๆ แม้จะไม่รู้สึกเหมือนว่าเบรกก็ต้องเหยียบเบรกไว้ จนรู้สึกว่ารถชะลอตัว

          กรณีที่เบรกไม่ทันให้ รีบประคองรถเข้าไปหาจุดที่คิดว่าแข็งแรง ในกรณีเป็นลานจอดรถจุดที่แข็งแรงที่สุดคือเสา อย่าพุ่งไปที่ผนังหรือกำแพง และเลือกฝั่งที่ไม่มีคนนั่งชนกับเสา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

          ทั้งนี้สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือการดับเครื่องยนต์ เพราะจะทำให้พวงมาลัยล็อก และเราจะไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถจนพุ่งตกอาคารได้

          แต่ถ้าเป็นทางยาว ให้ดับเครื่องยนต์ได้ทันที จะทำให้เครื่องยนต์ไม่ขึ้นรอบสูงจนเสีย และประคองรถเข้าข้างทางได้ สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือดึงเบรกมือ เพราะรถจะหมุนเสียการควบคุมทันที

          ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องในการรับมือคันเร่งค้างและเบรกมีปัญหา ที่สำคัญ "สติ" จะช่วยให้แก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ

ข้อมูลจาก https://car.kapook.com/view105717.html

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

5 วิธีป้องกัน และแก้ไข แอร์รถยนต์ที่เหม็นอับ

5 วิธีป้องกัน และแก้ไข แอร์รถยนต์ที่เหม็นอับ 

         ปัญหาแอร์รถยนต์เหม็นอับเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับเจ้าของรถ เพราะดูผิวเผินอาจเป็นแค่เพียงกลิ่นแต่เบื้องหลังเกิดจากปัญหาความอับชื้นภายในเครื่องปรับอากาศรถยนต์ ซึ่งความอับชื้นอาจนำพามาซึ่งเชื้อราได้ในภายหลัง อาการแอร์รถยนต์เหม็นอับจะมีดังนี้คือเมื่อเริ่มสตาร์ทเครื่องแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศจะมีกลิ่นคล้ายผ้าเปียกหมักไว้นานๆ ออกมา สักพักกลิ่นก็จะหายไปและจะเป็นเกือบทุกครั้งเมื่อจอดรถทิ้งไว้แล้วสตาร์ทเครื่อง
           ความชื้นที่สะสมอยู่ในระบบของเครื่องปรับอากาศรถยนต์เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเย็นเป็นเวลานานๆ อาจจะทำให้เกิดหยดน้ำขึ้นในระบบคอยล์ เมื่อถึงเวลาจอดรถหยดน้ำเหล่านี้ก็จะเป็นต้นเหตุให้เกิดเชื้อราขึ้นในระบบเครื่องปรับอากาศได้ หรืออาจจะเป็นเศษฝุ่นผงภายในห้องโดยสารที่เข้าไปเป็นตัวจับความชื้นภายในแอร์รถยนต์ เมื่อเกิดความชื้นหลายๆ ครั้งก็จะเกิดเชื้อราตามมาและกลิ่นที่ได้ก็คือกลิ่นของเชื้อรา ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นแล้วยังทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ในอนาคต
  1. เมื่อเปิดแอร์ที่อุณหภูมิเย็นมากๆ ก่อนถึงที่หมายสัก 5 นาทีควรปิดระบบแอร์และเปิดเป็นระบบพัดลมเพียงอย่างเดียว เพื่อกำจัดหยดน้ำที่อาจจะเกิดภายในระบบออก หรือไม่ก็เปิดแอร์ที่อุณหภูมิไม่ต่ำมากจนเกินไป
  2. ใช้วัตถุจำพวกที่สามารถดูดกลิ่นได้ เช่น ถ่านไม้
  3. การใช้น้ำหอมลดกลิ่นอับ อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักเนื่องจากไม่ได้ช่วยลดต้นเหตุของการเกิดกลิ่นอับ ออกจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเสียมากกว่า ควรเลือกใช้น้ำหอมจากความชอบส่วนตัวของเจ้าของรถมากกว่า
  4. จอดรถตากแดดแล้วเปิดกระจกรถหรือประตูไว้ช่วงหนึ่ง เป็นการใช้ความร้อนเพื่อลดความชื้นภายในเครื่องปรับอากาศซึ่งวิธีนี้อาจจะมีข้อเสียคือเจ้าของรถอาจจะต้องคอยดูรถไว้เป็นระยะเพื่อป้องกันสัตว์ขนาดเล็กหรือแมลงเข้าไปในห้องโดยสาร
  5. หมั่นทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร ดูดฝุ่น นำเศษผงที่บริเวณที่พักเท้าไปทิ้งบ่อยๆ เพื่อลดเศษผงที่อาจจะเข้าไปในเครื่องปรับอากาศแล้วถูกความชื้นเกาะไว้จนเป็นที่มาของกลิ่นเหม็นอับ
           จากวิธีทั้งหมดที่ได้กล่าวมา ยังมีวิธีอีกหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการใช้สารเคมีบางตัวที่จะช่วยดูดกลิ่นภายในรถ หรือการล้างแอร์ตามร้านที่เปิดบริการ แต่กระนั้นสาเหตุหลักของกลิ่นนั้นก็จะมาจากความชื้นและเชื้อราที่หมักหมมอยู่ในระบบเครื่องปรับอากาศรถยนต์ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้พัดลมแอร์เป่าความชื้นที่ค้างอยู่ในระบบออกซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย เจ้าของรถต้องปรับนิสัยการปิดเปิดเครื่องปรับอากาศให้ชิน ก็จะช่วยลดต้นตอปัญหากลิ่นเหม็นอับในรถลงได้
ข้อมูลจาก https://www.easyinsure.co.th/news/?p=2597
ขอบคุณภาพจาก Auto Sanook